จากการศึกษาความเป็นไปได้บนที่ดินเปล่าขนาด 2 ไร่ 64 ตารางวา หลังโรงพยาบาล สมิติเวช ศรีนครินทร์ โดยผู้ศึกษาได้ท าการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์สูงสุดของ พื้นที่ (Highest and Best use) จะเห็นได้ว่าสามารถพัฒนาเป็นโครงการโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น โดยมี 2 รูปแบบ คือ ประเภทโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น บนแปลงที่ดินแปลงธรรมดา เนื้อที่ 21 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 235 ตารางเมตร จำนวน 20 ยูนิต ราคา 10,990,000 บาท และ ประเภทโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น บน แปลงที่ดินหัวมุม เนื้อที่ 32 ตารางเมตร จำนวน 8 ยูนิต ราคา 12,097,135 บาท ซึ่งท าการผู้ศึกษาได้ ศึกษาความเป็นไปได้โดยการท าวิเคราะห์ทางด้าน กายภาพ ทำเลที่ตั้งของที่ดิน ทางด้านกฎหมาย ทางด้านการตลาด และทางด้านสถานการณ์ทางการเงิน และได้ท าทดสอบสมมติฐาน 3 รูปแบบ คือ กรณีสถานการณ์ปกติ (Base case) กรณีสถานการณ์ที่ดีที่สุด (Best case) และกรณีสถานการณ์ที่ เลวร้ายที่สุด (Worst case) กรณีสถานการณ์ปกติ(Base case) เมื่อท าการวิเคราะห์ทางการเงินถึงผลตอบแทนที่ ได้รับ จะพบว่า โครงการมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เท่ากับ 91,203,591 บาท ซึ่งหมายถึง ซึ่ง หมายถึงว่ามีผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตเมื่อท าการคิดมูลค่าปัจจุบันแล้วมีมากกว่าเงินลงทุน คือ การลงทุนในโครงการนี้จะได้รับผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุน และมีอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) เท่ากับ ร้อยละ 49
http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2015/TU_2015_5702034223_2728_1925.pdf
บทความความรู้
5 เทคนิคกู้ซื้อคอนโดยังไงให้ผ่าน
1. ประมาณตนเองและประเมินสัดส่วนรายได้ต่อวงเงินสินเชื่อ
รายได้ต่อสัดส่วนวงเงินสินเชื่อนั้นเปรียบเสมือน First Impression ที่ธนาคารจะใช้เพื่อประเมิณสถานะของผู้กู้ซื้อคอนโด คำว่ารายได้ในที่นี้ อาจรวมถึง ความมั่นคงของหน้าที่การงาน ความมั่นคงของนายจ้างและบริษัทที่เราทำงานอยู่ สัมพันธ์กับวงเงินที่ยื่นขอสินเชื่อหรือไม่ หากธนาคารปล่อยกู้ไป จะกลายเป็นหนี้เสียหรือเปล่า ซึ่งก็จะส่งผลถึงจำนวนเงินที่ธนาคารปล่อยกู้ด้วยนะครับ ว่าจะเต็มวงเงินที่เราขอหรือไม่
2. เตรียมหลักฐานทางการเงิน/เดินบัญชีธนาคารให้เรียบร้อย
ตรงนี้สำคัญมากสำหรับคนที่ต้องการกู้ซื้อคอนโด เพื่อเป็นการยืนยันกับธนาคารว่า เรามีเงินเข้าออกบัญชีเป็นประจำทุกเดือน เดือนละเท่านี้ ซึ่งนั่นหมายความว่ารามีรายได้ที่มั่นคง สามารถผ่อนชำระหนี้ตามงวดได้ โดยเงินที่เข้าออกบัญชีนั้นจะต้องเป็นเงินที่มีความเคลื่อนไหวเป็นปกติ มีหลักฐานที่มาของรายได้ เช่น สลิปงินเดือน แต่ถ้าทำอาชีพอิสระ ก็แนะนำว่าให้ฝากเงินกับธนาคารที่เราจะทำการขอสินเชื่อ เพื่อให้ทางธนาคารสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างน้อย 6 เดือนครับ
3. รักษาประวัติการชำระหนี้
ทางธนาคารจะขอตรวจสอบข้อมูลการชำหนี้ย้อนหลังของเรา ผ่านทางบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิต บูโร ซึ่งจะมีข้อมูลการชำระหนี้และประวัติการขอสินเชื่อของเราทั้งหมดอยู่ในนั้น ฉะนั้น ถ้าหากเรามีวินัยในการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยจ่ายช้าหรือค้างชำระ ก็มีโอกาสสูงที่ธนาคารจะพิจารณาปล่อยสินเชื่อกู้ซื้อคอนโด ให้กับเราได้อย่างง่ายดายครับ
4. มีเงินเหลือติดบัญชี
เงินเก็บในบัญชี แนะนำให้มีอย่างน้อย 20% ของวงเงินที่เราจะทำการขอสินเชื่อกันธนาคารเพื่อกู้ซื้อคอนโด ซึ่งเงินเก็บนั้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะธนาคารจะมั่นใจได้ว่าเรานั้นไม่มีปัญหาทางการเงิน ซึ่งตรงนี้นิวบ์ต้องขอบอกเอาไว้ว่า มันจะมีผลกับวงเงินที่ธนาคารจะปล่อยให้เรา ซึ่งอาจจะไม่ได้เต็ม 100%
5. ศึกษาหลักเกณฑ์เบื้องต้นของแต่ละธนาคารไว้ให้พร้อม โดยเบื้องต้น หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ก็จะมี ดังนี้ครับ
ตัวผู้กู้ (Character) | อายุ | อาชีพ | ความมั่นคงของรายได้ |
ประวัติการชำระหนี้ | ความสามารถในการชำระหนี้ (Capacity) | สัดส่วนเงินงวดต่อรายได้สุทธิ ต้องไม่เกิน 33% | ภาระใช้จ่ายต่าง ๆ |
รายได้ | หลักประกัน (Collateral) | สังหาริมทรัพย์ + อสังหาริมทรัพย์ ที่มีสภาพคล่อง | ผู้กู้ร่วม |
เงินทุน | ทุนส่วนตัว 10 – 20% สำหรับเงินดาวน์ | นโยบายการปล่อยสินเชื่อ | เงื่อนไขและข้อกำหนดของเงินกู้ |