Property Technology (PropTech) คือ เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการใช้เทคโนโลยีช่วยให้บริการอำนวยความสะดวกภายในบ้าน คอนโด สำนักงาน หรือการใช้เทคโนโลยีนำมาช่วยการขาย การโฆษณา รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน การจองห้อง การจองใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง หรือการติดต่อบริการหลังการขาย ที่ช่วยให้ไม่ต้องไปยืนต่อคิวเหมือนสมัยก่อนและสามารถสั่งงานที่ไหนก็ได้ที่มีอินเตอร์เน็ตรองรับ
1. ข้อมูลสำคัญมาก
Big Data หรือข้อมูลขนาดยักษ์ที่รวบรวมมาเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ พยากรณ์และวางแผนการพัฒนาโครงการหรือจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและความต้องการของตลาดได้ ในสหรัฐอเมริกามีเว็บไซต์ดังๆ เช่น Zillow Trulia หรือ Redfin โดยเว็บไซต์เหล่านี้สามารถประเมินราคาบ้านนับล้านๆ หลังได้ในคราวเดียว เว็บไซต์เหล่านี้เข้าถึงข้อมูลการจราจร การซื้อขายบ้าน ข้อมูลประชากร ผลของการสำรวจความต้องการข้องผู้บริโภคและนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ถึงแนวโน้มของราคาบ้าน ศักยภาพในอนาคต การตั้งราคาขายบ้านและที่ดิน เป็นต้น
การวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นฉันพลันทันทีและข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของ Big Data หากเราสามารถใส่ข้อมูลการติดตั้งระบบประกอบอาคารต่างๆ เช่น ระบบเครื่องปรับอากาศ ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้า-ประปา ฯลฯ ลงในข้อมูล คอมพิวเตอร์ก็จะสามารถประมวลและแจ้งเตือนเราล่วงหน้าถึงการเปลี่ยนระบบ การซ่อมแซมได้ทันท่วงทีโดยอาจเชื่อมต่อกับเจ้าของห้องชุด นิติบุคคลอาคารชุด ช่าง และหน่วยงานขออนุญาตต่างๆ เป็นต้น
2. เทคโนโลยี AI
Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์จะช่วยในการจดจำ วิเคราะห์ ประมวลข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและใกล้เคียงความเป็นจริงโดยลดทอนความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Errors) ลงไปได้ตามสมควร ตัวอย่างเช่น ปกติเราหาบ้านหรือห้องชุด เราจะหาตามทำเลและขนาดเรียงตามลำดับมา แต่ในอนาคต AI จะสามารถช่วยเราหาบ้านตามความพึงพอใจของเรา และเหมาะสมกับราคาที่เราสามารถจ่ายได้ หรือกระทั่งอุปนิสัย เช่น ถ้าเราชอบฟุตซอล ก็จะสามารถหาบ้านที่ใกล้สนามฟุตซอลหรือสถานที่ออกกำลังกายได้ด้วย
Chatbot เป็นตัวอย่างหนึ่งของ AI คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ที่มีไว้สื่อสารโดยการสนทนากับมนุษย์ เพื่อประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง “ระบบช่วยตอบคำถามอัตโนมัติให้กับผู้สนทนา หรือลูกค้า จึงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล เนื่องจากมันจะช่วยคัดกรองลูกค้า ให้ได้ข้อมูลที่ต้องการไปก่อนที่จะถึงมือของเจ้าหน้าที่ เพื่อแบ่งเบาการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือคนให้น้อยลง” กรณีนี้จะช่วยให้นายหน้าสามารถขายบ้านได้มากขึ้นผ่านระบบ Chatbot แทนที่จะอธิบายคำถามพื้นๆ ด้วยตนเองในแต่ละราย
AI ยังสามารถช่วยวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงราคาได้รัดกุมและใกล้เคียงความเป็นจริงได้มากขึ้น การ “บอกผ่าน” เรื่องราคาจะน้อยลง ความน่าเชื่อถือของราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายซื้อกันจะสอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น การหลอกลวงกันก็จะลดน้อยลงไปเช่นกัน ดีไม่ดีในอนาคต การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จะกระทำกันได้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโ.ดยไม่ต้องผ่านนายหน้าด้วยซ้ำไป
3. VR และ AR
Virtual reality (VR) และ Augmented Reality (AR) โดย “AR คือ การนำเทคโนโลยีมาผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน ด้วยการใช้ระบบซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ เช่น เว็บแคมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง โดยวัตถุเสมือนที่ว่านั้น อาจจะเป็น ภาพ วีดิโอ เสียง ข้อมูลต่างๆที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์ มือถือ หรืออุปกรณ์สวมใส่ขนาดเล็กต่างๆ และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้ ส่วน VR คือ การจำลองภาพให้เสมือนจริง แบบ 360 องศา ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะต้องใช้ควบคู่ไปกับอุปกรณ์สำคัญ นั่นก็คือแว่นตา VR โดยผ่านการรับรู้ของเราไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น เสียง การสัมผัส หรือแม้กระทั้งกลิ่น และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้”
การใช้ VR และ AR ทำให้การค้นหาบ้านไม่น่าเบื่อ นายหน้าก็สามารถสร้าง VR เพื่อดึงดูดความน่าสนใจ ทำให้ขายบ้านได้ง่ายและมากขึ้นได้ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการนี้อาจจะยังสูงอยู่พอสมควร เกินกว่าที่จะจัดทำสำหรับทรัพย์สินขนาดเล็กๆ และบางทีข้อมูลที่ใส่ลงไปอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงได้ เข้าข่ายหลอกลวง หากไม่สามารถควบคุมมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพนายหน้าให้ดีเท่าที่ควร
4. สาย เทคโนโลยี IOT
Internet of Things (IoT) คือ “การที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องป้อนข้อมูล การเชื่อมโยงนี้ง่ายจนทำให้เราสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ไปจนถึงการเชื่อมโยงการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ากับการใช้งานอื่นๆ จนเกิดเป็นบรรดา Smart ต่างๆ ได้แก่ Smart Device, Smart Grid, Smart Home, Smart Network, Smart Intelligent Transportation ทั้งหลายที่เราเคยได้ยินนั่นเอง ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเพียงสื่อกลางในการส่งและแสดงข้อมูลเท่านั้น”
การทำให้บ้านเท่ๆ (Smart) ก็คือสามารถสั่งเปิดปิดไฟ โทรทัศน์ แอร์ จากทางไกลได้ รวมทั้งระบบระบายน้ำ ระบบประปา รวมทั้งการจ่ายค่าบริการสาธารณูปโภคต่างๆ ของบ้าน เทคโนโลยีนี้จะช่วยในการประหยัดพลังงาน ข้อมูลต่างๆ ก็ใส่ไว้ในระบบก้อนเมฆ (Cloud) เพื่อให้บริการต่างๆ เสถียร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไป ยิ่งกว่านั้นระบบนี้ไม่ใช่ใช้เฉพาะภายในตัวบ้านเท่านั้น ยังใช้ในการสร้างเมืองหรือชุมชนแบบ Smart City อีกด้วย
5.ยุค 5G
“Generation ใหม่ของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย. . .คุณสมบัติหลักเด่นชัดของ 5G ที่เห็นได้ชัดเลยคงเป็นเรื่องของคุณภาพการรับชมวีดีโอ หรือการเล่นเกมส์ออนไลน์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการได้สัมผัสกับคุณภาพความคมชัด และความรวดเร็วเทียบเท่ากับการใช้งานผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) หรือการที่สามารถทำงานและเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างที่อยู่บน Cloud ไม่ว่าจะรูปแบบภาพ หรือวิดีโอ ได้แบบทันทีที่ต้องการ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลด. . .(และ) ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมากๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต”
ด้วยเทคโนโลยีนี้ เราก็จะสามารถทำงานผ่านทางไกลได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องนั่งติดสถานที่ทำงานอีกต่อไป ซ้ำยังมีราคาถูกลงเป็นอย่างมากในอนาคต ข้อมูลต่างๆ ก็แม่นยำขึ้นเพราะสามารถส่งภาพ เช่น แปลนอาคาร ผังบ้าน ภาพจำลองการออกแบบที่มีความคมชัดได้มากเป็นพิเศษ และแน่นอนว่าอาคารสำนักงานอาจได้รับผลกระทบโดยตรง การทำงานที่ต้องนั่งรวมกันอาจมีความจำเป็นน้อยลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกวงการจะต้องใช้การทำงานทางไกลเป็นหลัก อาจเหมาะกับผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น นายหน้า หรือผู้ประเมินค่าทรัพย์สินมากกว่านักพัฒนาที่ดิน
https://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement4307.htm