ศิลปะนั้น คือทุกอย่างในชีวิตของเราไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การกระทำต่างๆล้วนมีความเป็นศิลปะอยู่ในนั้น แต่หลายๆท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ศิลปะสามารถสร้างงานและทำให้การทำงานในองค์กรหรือบริษัทนั้นพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด มาดูกันค่ะว่าศิลปะมีประโยชน์ต่อการทำงานอย่างไรบ้าง
ประโยชน์เบื้องต้นของการดูงานศิลปะ
ความสุขจากการดูงานศิลปะ งดงามเหมือนการตกหลุมรัก : ศาสตราจารย์ซาเมียร์ เซกี (Semir Zeki) ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจาก University College of London กล่าวว่าเมื่อเราดูงานศิลปะดี ๆ สมองของเราจะทำงานแบบเดียวกับตอนที่ตกหลุมรักคือการหลั่งสารสร้างความสุขอย่างโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเกิดขึ้นขณะฟังเพลงดี ๆ ได้เช่นกัน
1. ศิลปะช่วยเยียวยาและรักษาจิตใจ : งานศิลปะช่วยลดความเครียดได้โดยตรง และเป็นตัวแทนของ 3 องค์ประกอบสำคัญในชีวิต ได้แก่ความผ่อนคลาย, ความพึงพอใจ และการนำเสนอตัวตน ดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะมีการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจสำหรับคนที่มีปัญหาทางจิตหรือแม้แต่คนทั่วไปที่อยากพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น การรักษาโดยใช้ศิลปะ (Arts Therapy) ถูกใช้อย่างจริงจังตั้งแต่ยุค ’70 เป็นต้นมา
2. ความสวยงามของศิลปะจะช่วยให้มีความสุข : หลักการง่าย ๆ ของความสุขคือการพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มีแต่ความสวยงาม ทั้งนี้รสนิยมความชอบของแต่ละคนแตกต่างกัน รูปแบบของงานศิลปะที่ทำให้อิ่มเอมใจจึงแตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อให้การดูงานศิลปะมีประโยชน์กับชีวิตมากขึ้น เราควรเก็บข้อมูลและหาคำตอบว่างานศิลปะแบบไหนที่ส่งผลต่อหัวใจมากที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้เราหาเครื่องประดับ, รูปภาพ รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ดีกว่าแค่ดูงานและมีความสุขไปวัน ๆ
3. งานศิลปะช่วยยืนยันว่าชีวิตของเรามีคุณค่ามากพอหรือไม่ : ทฤษฎีลําดับขั้นความต้องการมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of needs) ของอับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) กล่าวว่ามนุษย์จะแบ่งลำดับความต้องการออกเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่ความต้องการขั้นพื้นฐาน (Basic Needs) เรื่อยไปจนถึงความต้องการเพื่อความสมบูรณ์ของชีวิต (Self-Actualization) ในรูปแบบของพีระมิด โดยที่มนุษย์จะยกระดับความต้องการขึ้นไปต่อเมื่อความต้องการในระดับล่าวกว่าถูกเติมเต็มเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ซึ่งความพอใจในศิลปะจัดอยู่ในลำดับสูงสุด นี่คือสาเหตุว่าทำไมมนุษย์แต่ละคนจึงมีความพอใจในงานศิลปะแตกต่างกัน ทั้งนี้ความพอใจดังกล่าวจะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุหรือขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถตอบสนองความต้องการของชีวิตได้มากแค่ไหน
4. ศิลปะทำให้เราเข้าใจตัวเองดีขึ้น : เรื่องบางเรื่องไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือหรือคำพูด ดังนั้นงานศิลปะจะเปิดโอกาสให้เราตีความสิ่งตรงหน้าให้สอดคล้องกับมุมมองของชีวิตแต่ละช่วง กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้เราถ่ายทอดความคิดออกมาได้ง่ายขึ้น การตีความตรงนี้มีลักษณะของความเป็นส่วนตัว (Personal Experiences) ที่ไม่ได้ถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์ใด ๆ ทั้งนี้หมายรวมถึงงานศิลปะทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นจิตกรรม, ประติมากรรม, บทกวี, นาฏยศิลป์ หรือบทเพลงก็ตาม
ศิลปะในที่ทำงานมีประโยชน์อย่างไร
ปัจจุบันองค์กรแทบทุกแห่งพยายามหาสวัสดิการและเครื่องมือต่าง ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพนักงาน และมีหลายครั้งที่ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ทำให้เกิดคำถามตามมาว่ามีวิธีการอื่น ๆ อีกหรือไม่ที่ทุกบริษัทสามารถทำได้และมีหลักฐานยืนยันว่ามีประโยชน์กับการทำงานจริง ๆ ซึ่งคำตอบที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำก็คือการใช้ “ศิลปะ” เพราะเป็นสิ่งที่มีความสมบูรณ์รอบด้าน ทั้งในแง่ของการตกแต่งพื้นที่ให้สวยงาม เรื่อยไปจนถึงการทำงานกับความรู้สึกของมนุษย์ซึ่งถือเป็นรากฐานที่คอยผลักดันให้คนทำตามเป้าหมายอย่างมีพลังใจมากขึ้น
เราสามารถแบ่งประโยชน์ของการใช้ศิลปะในที่ทำงานออกมาได้ดังนี้
1. ศิลปะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ : เมื่อเราต้องสร้างงานขึ้นมาสักชิ้นหนึ่ง องค์ประกอบที่ขาดไปไม่ได้เลยคือแรงบันดาลใจ ดังนั้นการล้อมรอบตัวเองด้วยงานศิลปะที่สวยงาม ลึกซึ้งจะเปิดโอกาสให้พนักงานได้ตีความซึ่งจะกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้ดีขึ้นหากเทียบกับภาพทั่วไปที่ไม่มีมิติอะไรเป็นพิเศษ
2. ศิลปะทำให้เกิดความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น (First Impression): ลองนึกดูว่าครั้งสุดท้ายที่คุณสนใจกำแพงออฟฟิศเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? บางคนอาจตอบคำถามนี้ไม่ได้เพราะกำแพงออฟฟิศส่วนใหญ่มักเป็นเพียงผนังสีขาว ๆ สะอาดตาปราศจากการตกแต่งใด ๆ ดังนั้นจะดีกว่าไหมหากเราเปลี่ยนพื้นที่เหล่านั้นให้มีคุณค่ามากขึ้นทั้งกับตัวพนักงานและลูกค้าที่ผ่านเข้ามาเห็น
งานศิลปะที่ดียังช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดีขึ้น เช่น หากเราอยู่ในห้องประชุมที่เคร่งเครียด งานศิลปะที่ดูสงบก็จะช่วยปรับอารมณ์ของเรา หรือหากเราติดภาพที่ดุดันในห้องสำหรับพักผ่อน ผู้พบเห็นก็อาจปรับอารมณ์ตามไม่ทันจนรู้สึกสับสน การเลือกงานศิลปะสักอย่างจึงจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเสมอ
3. ศิลปะทำให้การพักสายตาของคนมีประโยชน์มากขึ้น : การทำงานทุกอย่างจะต้องมีเวลาพักผ่อน หรืออย่างน้อยก็พักสายตาสักระยะ ดังนั้นแทนที่เราจะปล่อยให้เวลาสั้น ๆ ตรงนั้นผ่านไปอย่างสูญเปล่า ถ้าเราเพิ่มงานศิลปะเข้าไปให้มันมีความหมายมากขึ้น ก็จะเป็นเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพงานอย่างเป็นรูปธรรม และช่วยให้พนักงานจดจ่อกับงานและสร้างความสดใหม่ในหัวสมอง วิธีนี้เรียกอย่างเป็นทางการว่า Neccessary Distraction (การถูกหันเหความสนใจที่จำเป็น)
ผลวิจัยจาก ดร.เคร็ก ไนท์ (Dr.Craig Knight) จาก University of Exeter กล่าวว่าการเพิ่มงานศิลปะเข้าไปในที่ทำงานจะช่วยให้พนักงานทำงานเสร็จไวขึ้น 15% และมีศักยภาพมากขึ้นถึง 30% หากเทียบกับการทำงานในออฟฟิศโล่ง ๆ ทั้งนี้เพราะวัยทำงานส่วนใหญ่ต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันในที่ทำงาน และบรรยากาศปกติในออฟฟิศที่เรามักพบเจอก็คือกองเอกสาร, ข้าวของเครื่องใช้ที่เหมือนจะคอยย้ำให้เห็นว่าสถานที่ดังกล่าวคือขั้วตรงข้ามกับคำว่าสะดวกสบายจริง ๆ ดังนั้นงานศิลปะจะเข้ามาปรับอารมณ์ของพนักงานให้รู้สึกถึงความอบอุ่นหัวใจและใกล้เคียงกับการอยู่บ้าน (Feels Like Home) มากกว่าที่เคยเป็น
“ศิลปะไม่ได้สอนให้วาดรูปเป็น แต่สอนให้รู้จักการใช้ชีวิต” นี่คือประโยคของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรที่สะท้อนให้เห็นว่าการเข้าใจศิลปะนั้นทำให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์แค่กับการทำงาน แต่รวมถึงแง่มุมอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันด้วยค่ะ”
ที่มา: The Power of Art ประโยชน์ของศิลปะกับการทำงาน | HREX.asia (hrnote.asia)
“ถ้าคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาด้านวิจัยพัฒนาอสังหาฯ มองมาที่เรา GenZ Property“
☎️ สนใจติดต่อ:
📲 096-789-9662 (ดร.ปู)
📲 098-236-9365(คุณปอ)
📲 Line : @GentZProperty
#service #Consultant #property #investment #management #GenZ #Genzproperty
#บริการ #ปรึกษา #อสังหาริมทรัพย์ #อสังหาฯ #นักลงทุน #บริหารธุรกิจ #รับปรึกษา #ครบวงจร