ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีทิศทางการเปลี่ยนอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้บ้าง ?
สำหรับแวดวงอสังหาฯ ในยุคปัจจุบันนี้ก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องปรับตัว ไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆ ในรูปแบบที่เรียกว่า “New Normal” และแน่นอนว่า สำหรับการปรับตัวในโลกยุคใหม่นั้น เทคโนโลยีถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เราควรที่จะมีรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีในอนาคตนี้ได้อย่างไร และจะนำมันมาปรับใช้กับอะไรได้บ้าง ในด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์ในอนาคตมาลองศึกษาเทคโนโลยีหลักๆในยุคใหม่ ได้ดังต่อไปนี้
1. ฐานข้อมูลยักษ์
Big Data คือ ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ถูกรวบรวมมาเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ พยากรณ์และวางแผนการพัฒนาโครงการซึ่งสามารถประเมินราคาบ้าน การซื้อขายบ้าน ข้อมูลการจราจร และข้อมูลประชากร แล้วนำผลสำรวจความต้องการของผู้บริโภคนำมาวิเคราะห์ถึงแนวโน้มของราคาบ้าน ศักยภาพในอนาคต รวมถึงการตั้งราคาขายบ้านและที่ดิน เป็นต้น
2. ปัญญาประดิษฐ์
Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ คือ ตัวช่วยในการจำ วิเคราะห์ และประมวลผลจัดการข้อมูลต่างๆ ให้มีความรวดเร็วและใกล้เคียงกับความเป็นจริง ซึ่งในอนาคต AI จะสามารถช่วยหาบ้านได้ตรงตามความต้องการและมีราคาที่เหมาะสม ดังนั้น AI จะช่วยให้นายหน้าสามารถขายบ้านได้มากขึ้นผ่านระบบ Application หรือ ระบบ Chatbot และ AI ยังสามารถช่วยวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงราคาได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ดังนั้นการบอกผ่านเรื่องของราคาอาจจะน้อยลง และความน่าเชื่อถือของราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายนั้นจะสอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น
3. ภาวะเสมือนจริง
Virtual reality (VR) และ Augmented Reality (AR) โดย “AR คือ การนำเทคโนโลยีมาผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถมองเห็นภาพที่มีลักษณะเป็นวัตถุ (Object) แสดงผลในจอภาพกลายเป็นวัตถุ 3 มิติ ลอยอยู่เหนือพื้นผิวจริง ส่วน VR คือ การจำลองภาพให้เสมือนจริงแบบ 360 องศา ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะต้องใช้ควบคู่ไปกับอุปกรณ์สำคัญ นั่นก็คือแว่นตา VR โดยผ่านการรับรู้ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น เสียง การสัมผัส หรือแม้กระทั้งกลิ่น และสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้” การใช้ VR และ AR นั้นจะทำให้การค้นหาบ้านมีความน่าสนใจซึ่งนายหน้าก็สามารถสร้าง VR เพื่อดึงดูดความสนใจในการขายบ้านได้เช่นเดียวกัน
4. การเชื่อมโยงทุกสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต
Internet of Things (IoT) คือ “การที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ทำให้เราสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ เช่น สั่งเปิด-ปิดไฟ โทรทัศน์ แอร์ จากทางไกลได้ ยิ่งกว่านั้นระบบนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะภายในบ้านเท่านั้น ยังสามารถใช้ในการสร้างเมืองหรือชุมชนแบบ Smart City ได้อีกด้วย
5. เทคโนโลยี 5G
ด้วยเทคโนโลยีนี้จะสามารถทำงานผ่านทางไกลได้โดยไม่จำเป็นต้องนั่งติดสถานที่ทำงานอีกต่อไป ซ้ำยังมีราคาถูกลงข้อมูลต่างๆ ก็แม่นยำขึ้นเพราะสามารถส่งภาพ เช่น แปลนอาคารผังบ้าน ภาพจำลองการออกแบบที่มีความคมชัดได้และแน่นอนว่าอาคารสำนักงานอาจได้รับผลกระทบโดยตรง
6. โดรน (Drones)
โดรน “คือ ยานปลอดมนุษย์โดยสาร โดยมีมนุษย์คอยบังคับทางวิทยุหรือระบบอัตโนมัติ โดรนมีหลายประเภท ทั้งโดรนบนบก โดรนใต้น้ำ และโดรนอากาศ ถ้าเป็นโดรนอากาศมักถูกเรียกว่า อากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle, UAV)” ซึ่งมักนำกล้องมาติดเพื่อถ่ายรูปจากมุมสูง ใช้ในการขนส่งสินค้า ใช้ในการเกษตร ใช้ตรวจสภาพจราจร เป็นต้น แต่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ มักใช้โดรนเพื่อการถ่ายภาพ เพราะการถ่ายภาพทางอากาศเป็นจุดดึงดูดสำหรับการขายได้ แม้จะมีเทคโนโลยีมากมาย แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่คนซื้อและคนขายบ้านจะได้พบกันโดยตรง
เป็นอย่างไรกันบ้างครับทุกท่านน่าจะได้มองเห็นถึงประโยชน์ที่จะนำเอามาใช้ในแวดวงอสังหาฯได้บ้างแล้ว ดังนั้นผู้อ่านทุกท่านลองนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ดังกล่าวมาปรับใช้กันดู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและทำให้การทำงานมีความสะดวกและรวดเร็วได้มากขึ้นอีกด้วย โดยทาง บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตทท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้ทดลองนำเทคโนโลยีข้างต้นให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานด้านการประเมินมูลค่าประเมินทรัพย์สินและประเมินที่ดิน เป็นต้นและอนาคตวงการอสังหาฯไทยก็อาจจะต้องปรับตัวเพื่อให้เท่าทันกับเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
ขอบคุณเนื้อหาจาก trebs.ac.th