– โครงการแอชตัน อโศก อาคารสูง 51 ชั้น จำนวน 783 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,481 ล้านบาท เริ่มโอนกรรมสิทธิ์มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 โดยขายไปแล้ว 666 ยูนิต มูลค่า 5,639 ล้านบาท หรือ 87% มีผู้พักอาศัย 578 ครอบครัว เป็นลูกค้าคนไทย 438 ราย และต่างชาติ 140 ราย จาก 20 ประเทศ ยังมียูนิตเหลือขายอีก 117 ยูนิต หรือ 13% มูลค่า 842 ล้านบาท (ลูกค้าใหม่ที่มาซื้อได้แจ้งให้รับรู้ว่ายังมีคดีฟ้องร้องกับศาลอยู่)
– หลังศาลปกครองกลางพิพากษาคดีแล้ว อนันดาในฐานะผู้ร้องสอด (ใม่ใช่คู่กรณีโดยตรง) เตรียมยื่นอุทธรณ์ แต่ก็เห็นว่าหากเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย คดีนี้อาจใช้เวลาพิจารณาที่ศาลปกครองสูงสุดอีก 3-5 ปี ก็หมายถึงลูกค้าต้องกังวลกับเรื่องนี้ไปอีก 3-5 ปี เริ่มมีเสียงสะท้อนจากลูกบ้านถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บางรายคิดว่าจะผ่อนธนาคารต่อดีหรือไม่ ธนาคารจะให้รีไฟแนนซ์ไหมเมื่อมีคดีฟ้องร้อง
– ซีอีโอ อนันดา ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งลูกบ้านแน่นอน ระยะสั้น สื่อสารกับลูกค้าทั้งหมด ชี้แจงข้อมูลและแนวทางการอุทธรณ์ ระยะยาว ต้องสู้คดีจนสุดความสามารถ เพื่อชื่อเสียงและสร้างความเชื่อมั่นให้องค์กร ดูแลลูกค้าแอชตัน อโศก และผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หากเกิด worst case จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด เชื่อว่าภาครัฐก็ต้องพูดคุยกับเอกชนว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน
– กรณีที่เกิดขึ้นกับ แอชตัน อโศก ในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชนและใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานรัฐ การตัดสินคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้โครงการอื่นๆ เพราะมีการพัฒนาที่ดิน ทั้งคอนโด โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก ที่เป็นลักษณะเดียวกับ แอชตัน อโศก อีก 13 โครงการ ที่เกาะแนวรถไฟฟ้าและระบบขนส่ง โดยเฉพาะในย่านรัชดาฯ
โครงการ แอชตัน อโศก เป็น “เรือธง” ของอนันดา สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบทั้งองค์กร ลูกค้า นักลงทุน สถาบันการเงินและธุรกิจอสังหาฯ ถือเป็นโจทย์ท้าทายอนันดาและทีมผู้บริหาร ในการแก้ไขสถานการณ์หากทำได้ดีนั่นคือ การสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว ท้ายสุด อนันดา ยังมั่นใจว่าจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้และจะดูแลลูกค้าทั้งหมด ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกคนใช้ความสามารถกำลังสุดเพื่อ #SaveAshtonAsoke
ข้อมูลจาก https://www.brandbuffet.in.th/2021/08/ashton-asoke-will-appeal-to-the-supreme-administrative-court/