ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ หวั่นจบผ่อนปรน LTV ฉุดยอดโอนปี 66 ลดวูบ 10.2%

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ หวั่นจบผ่อนปรน LTV ฉุดยอดโอนปี 66 ลดวูบ 10.2%

ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ในปี 2566 คาดว่า ดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ (หมวดที่อยู่อาศัย) มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงจากปี 2565 เล็กน้อยอยู่ที่ 90.2 จุด หรือลดลง 1.6% สำหรับกรณีฐาน แต่หากมีปัจจัยที่ส่งผลรุนแรงกว่าที่คาดไว้ อาจจะติดลบได้ถึง 11.5%

ทั้งนี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ต้องเผชิญกับหลายปัจจัยลบมากกว่าปี 65 โดยเฉพาะการสิ้นสุดมาตรการผ่อนปรน LTV ซึ่งจะกระทบต่อคนที่ต้องการมีการซื้อสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุน ที่เป็นบ้านสัญญาที่ 2 และ 3 ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 30% รวมถึงมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน ที่ปรับจาก 0.01% เป็น 1% ในปีนี้ ทำให้ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจากเดิมล้านละ 100 บาท เพิ่มเป็นล้านละ 10,000 บาท ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมกำลังซื้อของประชาชน นอกจากนี้ยังต้องจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่อาจจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 0.75-1.0  รวมถึงราคาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะปรับตัวราคาขึ้นทางตรงและทางอ้อม (ส่วนลด/ของแถมน้อยลง) ซึ่งสวนทางกับหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้สถาบันการเงินต้องระมัดระวังและเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อ

สำหรับทิศทางอุปทานและอุปสงค์ที่อยู่อาศัย ปี 2566 คาดว่า ด้านอุปทานจะมีสภาวะทรงตัวถึงชะลอเล็กน้อย โดยคาดการณ์ว่าจะมีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประมาณ 98,132 หน่วย ลดลง 2.1% โดยคอนโดฯจะมีจำนวนประมาณ 40,086 หน่วย ลดลง 22.4% ส่วนบ้านจัดสรร จะมีจำนวน 58,046 หน่วย ขยายตัวเพิ่มขึ้น 19.4%

ส่วนอุปสงค์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง โดยในปี 66 คาดว่า จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยประมาณ 352,761 หน่วย ลดลง 10.2%  จะมีมูลค่าประมาณ 1,016,838 ล้านบาท ลดลง 4.5% ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการผ่อนปรน LTV หมดลงในปี 65 ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยและหนี้ครัวเรือน จะกระทบยอดการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง

โดยที่อยู่อาศัยแนวราบในปี66 คาดว่ามียอดโอน 264,571 หน่วย ลดลง 7.4% มูลค่าประมาณ 753,628 ล้านบาท ลดลง 2.9%  คอนโดฯมียอดโอนประมาณ 88,190 หน่วย ลดลง 17.7%

มูลค่าประมาณ 263,210 ล้านบาท ลดลง 8.8% ส่วนยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ ทั่วประเทศ ปี 2566 อาจจะมีจำนวนรวมประมาณ 650,764 ล้านบาท ลดลง 6.8% และมีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างทั่วประเทศจำนวนประมาณ 4,955,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับปี 65

อย่างไรก็ดีในครึ่งแรกปี 66 มองว่าตลาดต่างชาติอาจจะไม่ได้ฟื้นตัวตามที่คาดไว้ เพราะเศรษฐกิจของประเทศลูกค้าต่างชาติก็ไม่ดีเท่าที่ควร ขณะที่อัตราผลตอบแทนของอสังหานไทยก็ยังอยู่ในระดดับที่น้องกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงไม่ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนมากนัก อย่างร็ดีคาดว่าตลาดต่างชาติอาจกลับเข้ามาซื้ออสังหาฯไทยในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป  สำหรับกลุ่มบ้านแนวราบ ในปี 66 จะเห็นว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมารุกตลาดบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อย แต่ทั้งนี้ต้องระวังเรื่องปริมาณบ้านใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในปี 66 ที่มากเกินความต้องการจริงของลูกค้า

สำหรับทาง Gen Z Property สามารถให้คำปรึกษาได้ครบวงจร หากต้องการความช่วยเหลือหรือปรึกษาเพิ่มเติม

Tag : ที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ บริการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ รับปรึกษาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ รับวิเคราะห์ตลาดก่อนการลงทุน ที่ปรึกษาด้านการลงทุนบ้านจัดสรร ที่ปรึกษาด้านการลงทุนคอนโดมิเนียม ที่ปรึกษาด้านการสร้างอสังหาริมทรัพย์ จัดทำFeasibilityStudy ที่ปรึกษาทางด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริการวางกลยุทธ์การเลือกทำเลธุรกิจ บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ รับบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ปรึกษาด้านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ บริษัทบริหารเงินลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ บริการสำรวจและวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ รับทำสรุปรายงานสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ บริการการวิจัยและให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การเรียนรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ วิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ รับทำแผนศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการ ที่ปรึกษาด้านการตลาดอสังหาริมทรัพย์ รับสรรหานายทุนรายใหญ่ รับสรรหานายทุนรายย่อย

ให้ทางเราเสนอตัวอย่าง

Genz Consutant Co., Ltd